เช็คสิทธิบัตรทอง 2567 ได้แล้วทั่วไทย
ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่คนสามารถพบได้ และสิทธิบัตรทองก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับการสนับสนุนมาจากงบประมาณของประเทศ เพื่อนำมาใช้กับประชาชนคนไทยในทุกๆ พื้นที่ให้เข้าถึงระบบการรักษาได้อย่างง่ายดาย หากใครยังสงสัยในเรื่องของสิทธิรักษาพยาบาลบัตรทอง วันนี้เราจะมาขยายความให้คุณได้มีโอกาสรับรู้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
สิทธิบัตรทอง คืออะไร บัตรทองรักษาที่ไหนได้บ้าง
การใช้สิทธิบัตรทอง คือ การเข้ารับการรักษาในระบบการพยาบาลของประเทศไทย ซึ่งเป็นไปในรูปแบบของ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งให้การดูแลคนไทยที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจน อยู่ใกล้หรือไกล ก็สามารถใช้สิทธินี้ได้ทั้งสิ้น
ถ้าใครอยากที่จะใช้สิทธิรักษาพยาบาลบัตรทอง ก็สามารถที่จะใช้ได้เต็มที่ แต่ก็จะมีขั้นตอนกระบวนการที่ต้องดำเนินการตามระบบเพื่อให้เข้ารับการบริการได้
สิทธิบัตรทองใช้นอกเขตได้ไหม 2567
ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองสามารถที่จะเข้ารักษาในหน่วยบริการใดก็ได้ทั่วประเทศ โดยจะไม่มีการส่งใบส่งตัวให้กลับไปรักษาที่อื่นเหมือนในอดีต ซึ่งช่วยทำให้ระบบการพยาบาลมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ การย้ายสิทธิบัตรทองก็สามารถทำได้ในทันทีด้วยการย้ายสิทธิบัตรทองออนไลน์โดยไม่ต้องรอเวลา 15 วันเหมือนกับที่เคยเป็นในอดีต ทำให้การใช้สิทธิบัตรทองนอกพื้นที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก
สิทธิบัตรทองรักษาอะไรได้บ้าง
สิทธิบัตรทองครอบคลุมตั้งแต่โรคทั่วๆ ไป การใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าเวชภัณฑ์ ค่าตรวจวินิจฉัย ในส่วนของบุคคลที่ตั้งครรภ์ ก็สามารถใช้ในการเป็นค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจ และค่าทำคลอดได้ รวมไปถึงค่าบริการทารกแรกเกิด
ในขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง ก็สามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลบัตรทองกับค่าพาหนะหรือค่ารถพยาบาลได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ก็ยังมีสิ่งที่ไม่ครอบคลุมจากสิทธิประโยชน์ของบัตรทองที่จำเป็นต้องรู้เช่นเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น การผ่าตัดเพื่อความงาม การปลูกถ่ายอวัยวะบางชนิด หรืออาจจะเป็นสิ่งที่อยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง รวมไปถึงการวินิจฉัยที่เกินความจำเป็น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่สามารถเรียกใช้สิทธิบัตรทองได้
คนจนที่อยากจะเข้าถึงบริการการรักษา ลองเช็คสิทธิบัตรทองแต่ละโรงพยาบาลก่อนได้ อย่างไรก็ตาม การไม่มีโรคน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ดังนั้น การพยายามรักษาร่างกายแข็งแรงและไม่ต้องป่วยกันบ่อยๆ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดต่อทั้งตัวเราและบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาล ซึ่งเป็นหน้าที่ที่คนไทยทุกคนควรทำ
